จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

26 ตุลาคม 2554

นอกเมือง...ในกรุง


บทที่ ๑๐
นอกเมือง...ในกรุง
เนื้อหา

..........นอกเมือง...ในกรุง เป็นเรื่องของเด็กชายไก่แจ้ที่อยู่จังหวัดกาฬสินธุ์ได้เข้ามาอยู่ในกรุงเทพมหานคร โดยเริ่มเรื่องจากไก่แจ้อยู่กับพ่อ แม่ ตา และ ยายที่หมู่บ้านเล็ก ๆ อยุ่ไกลจากตัวเมืองมาก บริเวณบ้านของไก่แจ้มีพื้นที่กว้าง พอพ้นจากตัวบ้านจะเป็นพื้นที่สวนครัว มีผักหลายชนิด เช่น พริก มะเขือ ข่า ตะไคร้ โหระพา ดอกแค ขี้เหล็ก ต่อจากนั้นก็เป็นสวนผลไม้ซึ้งมีมะม่วงน้ำดอกไม้ที่มีรสหวานอร่อย  ส่วนรั้วบ้านก็เป็นรั้วกินได้ คือปลูกกระถินเป็นแนวไว้สำหรับเก็บยอดอ่อนรับประทาน ไก่แจ้เรียกผักสวนครัว ผลไม้ และยอดกระถินริมรั้วว่า " อาหารมิตรภาพ " เพื่อนบ้านคนไหนอยากกินก็มาขอกินได้ พอถึงหน้ามะม่วง ตากับพ่อจะช่วยกันสอยลงมาแจกบ้านโน้นบ้านนี้ คนที่ได้รับแจกมะม่วงจะทำข้าวเหนียวมูนมาให้

..........ตอนเช้าก่อนไปโรงเรียน ไก่แจ้จะช่วยพ่อให้อาหารไก่และเก็บไข่ไก่ไว้เป็นอาหารส่วนหนึ่ง ส่วนที่เหลือจะนำไปขายเพื่อนำเงินมาซื้อกับข้าวที่แม่บอก โรงเรียนของไก่แจ้อยู่ในวัดท้ายหมู่บ้าน ไก่แจ้และเพื่อน ๆ จึงเดินไปโรงเรียน เดินไปคุยกันไปโดยไม่รีบร้อนและไม่ต้องคอยระวังรถที่จะชน เพราะไม่ค่อยมีรถวิ่งผ่าน อากาศเย็นสบายและปลอดโปร่งทำให้สดชื่นและหายใจได้เต็มปอด เวลารับประทานอาหารกลางวัน เพื่อน ๆ เพื่อน ๆ และไก่แจ้จะนำกับข้าวของตนมาวางไว้เป็นกองกลาง นั่งล้อมวงกินข้าวด้วยกัน ทำให้ได้กินอาหารหลายรสชาติแตกต่างกันไป หลังเลิกเรียน ไก่แจ้และเพื่อน ๆ ทั้งผู้หญิงและผู้ชายจะพากันเล่นเตะฟุตบอล บ้างก็เล่นตี่จับ กระโดเชือก วิ่งแข่ง ที่สนามหญ้าหน้าโรงเรียนเป็นการออกกำลังกายเพื่อให้สุขภาพดี ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง ไก่แจ้เลยหัวแข็งไม่เจ็บไข้ได้ป่วยง่าย ๆ

..........แล้ววันหนึ่งพ่อก็มาบอกไก่แจ้ว่า ช่วงปิดเรียนภาคปลายจะพาไก่แจ้ไปอยู่กับอาหนอดที่กรุงเทพฯ เพื่อไปเรียนเสริมทักษะวิชาศิลปะและคอมพิวเตอร์ซึ่งถูกใจไก่แจ้มาก พอไปถึงบ้านอาหนอดที่อยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งซึ่งทุกบ้านแทบไม่มีบริเวณ มีกำแพงปละประตูเหล็กปิดกั้นไม่เห็นภายใน ต่างคนต่างอยู่ ต้นไม้ใหญ่ ๆ มีให้เห็นบ้างแต่เป็นต้นไม้ประเภทสวยงามมากกว่าพวกอาหารมิตรภาพอย่างแถวบ้านไก่แจ้

..........ที่บ้านอาหนอด ไก่แจ้ต้องตื่นตั้งแต่ตีหา้ครึ่งเพื่อเตรียมตัวไปโรงเรียน อาหนอดบอกว่า ถ้าออกจากบ้านหลังหกโมงเช้ารถจะติดมาก ไก่แจ้มัวแต่กินข้าวช้าเพราะกินไม่ค่อยลง และต้องหยิบอุปกรณ์การเรียนหลายครั้งทำให้อาหนอดขับรถออกจากบ้านช้าไป ๑๕ นาที พอโผล่ออกจากหมู่บ้านจะเข้าถนนใหญ่ก็เห็นรถติดกันจนมองไม่เห็นพื้นถนน ทุกคนดูรีบร้อนเพื่อจะไปให้ถึงจุดหมายกันทั้งนั้น และกว่าอาหนอดจะขับรถเลี้ยวเข้าถนนที่จะไปที่ทำงาน อาหนอดต้องคอยอยู่นานจึงมีคนใจดียอดเปิดทางให้อาหนอดขับรถแทรกเข้าไปและขับรถเลี้ยวได้

..........อาหนอดจอดรถไว้ที่ที่ทำงานแล้วพาไก่แจ้เดินไปที่สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน ซึ่งอยู่ไม่ไกลนักเพื่อจะไปโรงเรียน ไก่แจ้เดินดูร้านขายของสารพัดจนเพลินจึงถูกคนเดินชนจนเซหลายครั้ง อาหนอดพาไก่แจ้เดินลงไปสถานีรถฟฟ้าใต้ดินซึ่งอยู่ลึกมาก ต้องลงทั้งบันไดเลื่อนและบันไดธรรมดา ต้องซื้อเหรียญเป็นค่าโโดยสารตามระยะทางที่ไปแล้วนำเหรียญมาแตะตรงจุดที่กำหนดเพื่อให้ประตูทางที่จะไปขึ้นรถเปิด ถ้าเดินช้าก็จะถูกประตูหนีบตัวเอา ผู้คนเต็มไปหมด ทุกคนดูเร่งรีบ ในรถไฟฟ้าใต้ดินมีที่นั่งจำกัด หลายคนต้องยืน รวมทั้งอาหนอดด้วย ไม่มีใครสละที่ให้เด็กนั่ง ไก่แจ้ต้องกอดเองอาหนอดไว้แน่นเพราะกลัวหกล้มและรู้สึกอึดอัด เหมือนไม่มีอากาศหายใจ พอถึงที่หมายต้องรีบออกจากรถ หยอดเหรียญโดยสารคืนใส่ตู้เพื่อให้ประตูทางออกเปิด แล้วรีบเดินขึ้นไปชั้นบนของสถานี ไก่แจ้เดินอย่างไม่มีแรง หน้าซีด เพราะเมารถเมาคน เลยต้องยืนพิงผนังพักสักครู่

..........อาหนอดไปส่งไก่แจ้ที่โรงเรียนและบอกไก่แจ้ว่าตอนเย็นจะมารับแล้วจึงกลับไปที่ทำงาน ตอนพักกลางวัน ไก่แจ้เริ่มรู้จักเพื่อน ๒ - ๒ คน แต่ยังไม่ได้คุยอะไรกันมาก เพราะเวลาคุยกับเขาก็คุยแต่เรื่องเกม โทรศพท์ มือถือ ละครโทรทัศน์ ไก่แจ้ไม่รู้เรื่องเลยนั่งฟังเฉย ๆ ได้แต่คิดว่าคงต้องไปหาความรู้จากอาหนอด อาหารกลางวันต่างคนต่างซื้อ ต่างคนต่างรับประทาน ไม่เหมือนเพื่อน ๆ ที่บ้านของไก่แจ้

..........พอโรงเรียนเลิกอาหนอดก็มารับกลับบ้าน โดยขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินเหมือนเดิมแล้วไปขึ้นรถอาหนอด กวาจะถึงบ้านก็เกือบทุ่ม ไก่แจ้หิวข้าวจนตาลาย โชคดีที่ย่าทำกับข้าวไว้แล้ว กินข้าวเสร็จก็อาบน้ำ เข้านอนทันทีโดยไม่ได้ยินคำถามที่ย่าถามว่า " ตกลงจะมาเรียนหนังสือที่กรุงเทพฯไหม? ลูก มาอยู่กับย่าเลยนะ " ถ้าเพื่อนๆ เป็นไก่แจ้คิดว่า " อยู่ที่ไหน ดีกว่ากัน "





Rinlaporn&Omsin